มารู้จักการสอบ IGCSE อีก 1 ช่องทางสำหรับเข้ามหาลัยต่างประเทศ

ทำความรู้จักการสอบ IGCSE

IGCSE ย่อมาจาก International General Certificate of Secondary Education เป็นหลักสูตรการสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายจากประเทศอังกฤษ ที่จัดขึ้นโดย Cambridge Assessment International Education โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ เพื่อวัดผลความรู้ความเข้าใจของนักเรียนในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอังกฤษ และอีกหลาย ๆ แห่งในประเทศไทยและต่างประเทศ
IGCSE หลักสูตรนี้ใช้ระยะเวลาเรียน ประมาณ 2-3 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาและสอบผ่าน ผู้เรียนจะได้รับวุฒิเทียบเท่า ม.6 หรือยื่นผลคะแนนเพื่อไปสอบในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A-Level หรือ IB โดยสามารถใช้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้

IGCSE ใช้เข้าคณะอะไรได้บ้าง ?

ตัวอย่าง

• คณะบริหารธุรกิจ 
• คณะวิศวกรรมศาสตร์ 
• คณะการจัดการการท่องเที่ยวและโรงแรม
• คณะอักษรศาสตร์ 
• คณะเศรษฐศาสตร์ 
• และคณะอื่นๆขึ้นกับเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัย

IGCSE ใช้เข้ามหาลัยไหนได้บ้าง ?

IGCSE ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไทยได้ ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน แต่ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของแต่ละคณะและมหาวิทยาลัย ว่าต้องสอบ IGCSE กี่วิชา ซึ่งโดยมากจะต้องใช้ 5 วิชาขึ้นไป และต้องสอบข้อสอบอื่นๆเพิ่มเติม เช่น IELTS, SAT หรือ A-Level แล้วแต่ว่าคณะไหนจะกำหนดเกณฑ์อย่างไร
ซึ่งมหาวิทยลัยไทยส่วนใหญ่จะขอทั้งคะแนน IGCSE ร่วมกับ AS หรือ A-Level ด้วย

IGCSE ใช้เข้ามหาลัยต่างประเทศได้ไหม ?

IGCSE สามารถใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษได้ แต่ส่วนใหญ่ทางมหาวิทยาลัยอังกฤษจะต้องการผลสอบ 5 วิชาขึ้นไป โดยทำคะแนนให้ถึงตามที่มหาวิทยาลัยนั้นๆต้องการ เช่น ขั้นต่ำที่ grade C (grade ของ IGCSE มี A*, A, B, C, D, E, F, G และ U) และหลายมหาวิทยาลัยจะต้องสอบ A-Level เพิ่ม หรือเข้าเรียน Foundation เพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งจะทำให้การเรียนปริญญาตรีของอังกฤษจาก 3 ปี กลายเป็น 4 ปีทันที

ทางลัดใหม่ Top-up Degree จบปริญญาตรีอังกฤษด้วย IGCSE 4 วิชา

และอีกหนึ่งทางลัดที่ให้น้องๆสามารถจบปริญญาตรีอังกฤษได้โดยใช้ผล IGCSE เพียง 4 วิชาสมัคร นั่นก็คือการเรียนในระบบ Top-Up Degree ที่เป็นหลักสูตรมาตรฐานสากลจากประเทศอังกฤษ ระบบนี้จะช่วยให้น้องๆ สามารถจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลามากเกินไป

ซึ่งหลักสูตร Top-up Degree นี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือประเทศอื่นๆอีกมากมาย 

ข้อดีของการเรียนต่อต่างประเทศ ?

• ได้รับวุฒิปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ กับรูปแบบการเรียนที่ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก
• การใช้ชีวิตในต่างประเทศช่วยให้น้องๆได้พัฒนาทักษะภาษา
• เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้รับประสบการณ์และสัมผัสวัฒนธรรมแบบ Multi – cultural อยู่ในกลุ่มเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ ได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับชาติอื่นๆ เป็นโอกาสที่น้องๆ จะได้สร้างคอนเน็กชันที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและอาชีพการงานในอนาคต 
• เมื่อเรียนจบสามารถอยู่ฝึกงานหรือทำงานต่อในประเทศอังกฤษได้ทันที 2 ปี ด้วย Graduate Visa