เส้นทางเรียนปริญญาตรีอังกฤษ โดยไม่ต้องสอบ A level ไม่ต้องสมัครผ่าน UCAS

วิธีที่ 1 การเรียนผ่านหลักสูตร Top-up degree

หลักสูตร Top-up degree เป็นอีกหนึ่งเส้นทางการศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศระดับ ป.ตรี เช่นในประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ และ สวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี เพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งหลักสูตรการเรียน Top up Degree นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศที่กล่าวมาข้างต้น

การสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรปริญญาตรีแบบ Top up Degree นั้น มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ จะเปิดรับ สำหรับนักเรียนที่มีวุฒิในระดับ Level 4 และ Level 5 Diploma , Foundation หรือ หลักสูตรที่ทางมหาวิทยาลัยและหน่วยงานควบคุมมาตรฐานการศึกษาของรัฐบาลอังกฤษ (Ofqual) ให้การยอมรับว่ามีมาตรฐานและความเข้มข้นของเนื้อหาวิชาเพียงพอที่จะเข้าเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย (Top Up Degree) ได้ทันที หลังจากจบหลักสูตรนั้นๆ โดยเรียนในสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตร UK Diploma นี้เป็นเวลา 2 ปีในประเทศไทย และเลือกไปเรียนต่ออีก 1 ปีในระบบ Top-Up Degree ณ มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีได้ในระยะเวลาสั้น พร้อมได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียนโดยตรง

หลักสูตร Top-up degree เรียนต่อที่อังกฤษจบได้ใน 3 ปี ที่ Finn

ช่วงที่ 1 : การเรียนในประเทศไทย (2 ปี)

ในช่วง 2 ปีแรก นักเรียนจะเรียนหลักสูตร UK Level 4 และ Level 5 Diploma เป็นระยะเวลา 2 ปีที่สถาบัน Finn ในประเทศไทย โดยเป็นหลักสูตรสำหรับสร้างผู้บริหารที่เข้มข้นกว่าการเรียนในมหาวิทยาลัย เน้นการเรียนวิชาพื้นฐานด้านบริหารธุรกิจ และการบริหารโรงแรม ภายใต้หลักสูตรที่รับรองโดยรัฐบาลอังกฤษ เช่น วิชาบริหารธุรกิจองค์กร วิชาการบริหารการลงทุน วิชาสร้างแบรนด์ระดับโลก ฯลฯ ที่สอนโดยอาจารย์ระดับผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำประเทศอังกฤษ ควบคุมมาตรฐาน การวัดผลและให้คะแนนโดย UK Awarding ประเทศอังกฤษ

ช่วงที่ 2 : การไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ (ปีสุดท้าย)

เมื่อเรียนจบหลักสูตร Diploma ระดับ 4-5 จาก Finn แล้ว ในปีที่ 3 (ปีสุดท้าย) นักเรียนเลือกสาขาและมหาวิทยาลัยชั้นนำในอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือสวิตเซอร์แลนด์ ที่การันตรีการเข้าเรียนต่อแบบ 100% กว่า 25 มหาวิทยาลัย เพียงน้อง ๆ ได้เกรด PASS ในทุกวิชา และผล IELTS ที่ Overall 6.0 เพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรีหลักสูตร Top-Up Degree อีก 1 ปี เมื่อเรียนจบนักเรียนได้รับวุฒิปริญญาตรีโดยตรงจากมหาวิทยาลัยที่เลือก ซึ่งการเรียนต่อปีสุดท้ายมีหลากหลายสาขาที่สามารถเลือกได้ เช่น 

• การบริหารธุรกิจระดับโลก (BA [Hons] Global Business Management)
• การบริหารการจัดการองค์กรธุรกิจ (BA [Hons] Business Enterprise)
• การเงินและการลงทุนระหว่างประเทศ (BSc [Hons] International Finance)
• การตลาดออนไลน์ (BA [Hons] Digital Marketing)
• วิทยาการการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อธุรกิจ (BSc [Hons] Business Data and Information System)
• การบริหารธุรกิจการบินและสนามบิน (BA [Hons] Airport & Airline Management)
• การจัดการท่องเที่ยวและโรงแรม (BA [Hons] International Hospitality and Tourism Management)
• และอื่น ๆ อีกมากมาย

วิธีการสมัครเรียน

สถาบัน Finn เปิดรับสมัครเข้าเรียนตลอดทั้งปี และเปิดเทอมใหม่ทุกเดือน มี.ค. ก.ค. และ พ.ย. ของทุกปี โดยนักเรียนสามารถเข้าเรียนในรอบที่ใกล้กับการสมัคร คุณสมบัติของผู้สมัครมีดังนี้

• อายุ 16 ปี 6 เดือนขึ้นไป
• มีวุฒิม.6 หรือเทียบเท่า เช่น Year 12 หรือ IGCSE 4 วิชา หรือ GED
• ถ้ามีวุฒิ ม.4 ต้องผ่านการทดสอบวิชาพื้นฐานธุรกิจ 
• มีผลสอบ IELTS ที่ Overall 6.0 โดยแต่ละ Section มีคะแนนไม่ต่ำกว่า 5.0 (ถ้าไม่มีผล IELTS ต้องมาทำแบบทดสอบภาษาที่ Finn ซึ้งไม่มีค่าใช้จ่าย)
• ไม่ต้องใช้ A-Level หรือ IB
• ไม่ต้องสอบ SAT

วิธีนี้ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับการไปเริ่มเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ปีแรก อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องสอบ A Level อีกด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า สามารถเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงจากประเทศอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

วิธีที่ 2 การเรียน Foundation

การเรียน Foundation เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งการเรียน Foundation นั้นมีหลักสูตรหลากหลายรูปแบบในประเทศไทย เช่น Co-degree, Dual degree, Doubel degree หรือ International year1 

การเรียนในรูปแบบนี้มักมีรูปแบบระยะเวลาการเรียน 1+3, 2+2, หรือ 3+1 (จำนวนปีที่เรียนในไทย+ปีที่เรียนที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ) หมายความว่า วิธีนี้จะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี ซึ่งอาจนานกว่าวิธีอื่น และอาจมีค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่าการเลือกเรียนแบบ Top-up Degree กับ Finn ที่ใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

ข้อดีของการไม่สอบ A level

1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

• – ไม่ต้องเรียนเพื่อเตรียมสอบ 2 ปี
• – ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
• – เริ่มเรียนปริญญาตรีได้เร็วขึ้น

2. มีความยืดหยุ่นมากกว่า

• – เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวเอง
• – เรียนรู้ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษแบบค่อยเป็นค่อยไป
• – มีหลักสูตรให้เลือกหลากหลาย

จะเห็นได้ว่าการไม่มีผลสอบ A Level ไม่ใช่อุปสรรคในการไปเรียนต่อที่อังกฤษอีกต่อไป เพราะมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษหลายแห่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนผ่านหลักสูตรอื่นๆได้อีกหลายช่องทาง ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นการเตรียมตัวที่ดีสำหรับการเรียนในระดับปริญญาตรีในต่างประเทศอีกด้วย 

วิธีการสอบ A level แบบปกติ

ในทางกลับกัน วิธีไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษโดยการใช้คะแนนสอบ A Level ถือเป็นวิธีดั้งเดิม ซึ่งการสอบ Advanced level qualifications หรือ A level คือการสอบมาตรฐานสำหรับนักเรียนในอังกฤษช่วงอายุ 16-19 ปี (Year 12-13) หรือเทียบเท่าระดับมัธยมปลายของไทย และโดยปกติแล้ว มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ จะใช้ผลสอบนี้ในการพิจารณารับนักศึกษาเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรี

การสอบ A Level แบ่งเป็นสองระดับคือ AS Level และ A2 Level โดยผู้เรียนจะเลือกเรียน 3-4 วิชาจากกลุ่มต่าง ๆ เช่น 

• – วิทยาศาสตร์ (Biology, Chemistry, Physics)
• – คณิตศาสตร์
• – ภาษาและวรรณคดี
• – มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
• – สายอาชีพและธุรกิจ

เริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จของน้องๆวันนี้!

สนใจเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ เลือกหลักสูตร Top-up Degree  ปรึกษาสถาบัน Finn เส้นทางสู่การจบปริญญาตรีอังกฤษได้ภายในระยะเวลา 3 ปี จากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ปรึกษาหลักสูตรและค่าใช้จ่ายติดต่อเราได้ที่ Line: @finncollege หรือ โทร: 083-057-7956, 02-619-1249