เรียนต่ออังกฤษด้วยหลักสูตร Top-up Degree นั้น ตอนเรียน Diploma 2 ปีในไทยมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ?
รายละเอียดค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายในการเรียนในไทย
ค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายในการเรียน
ค่าใช้จ่ายในการเรียนหลักสูตร Diploma 2 ปีในไทย ที่สถาบัน Finn
การเรียนหลักสูตร Diploma 2 ปีในประเทศไทย จะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 2 ปี ปีละ 3 ภาคเรียน โดยช่วงภาคเรียนที่ 1 – 4 จะเรียนทฤษฎีผสมกับเรียนรู้กรณีศึกษาจริง
ในภาคเรียนที่ 5 – 6 จะเป็นการฝึกงานแบบเต็มเวลากับบริษัทชั้นนำในสายงานนั้นๆหรือเตรียมตัวสอบ IELTS
*เงื่อนไขการชำระค่าเรียนของศูนย์ Finn แต่ละที่อาจแตกต่างกัน ( กรุงเทพฯ และภูเก็ต) โปรดสอบถามจากศูนย์ที่ท่านต้องการสมัครเรียนอีกครั้ง
ภาคการศึกษา | ระยะเวลา | หน่วยกิต | ค่าเรียน (บาท) |
---|---|---|---|
ค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายในการเรียน สำหรับ 2 ปีในไทย | |||
ค่าลงทะเบียน | – | – | 55,000 |
ภาคเรียนที่ 1 | 12 สัปดาห์ | 90 | 75,000 |
ภาคเรียนที่ 2 | 12 สัปดาห์ | 55 | 85,000 |
ภาคเรียนที่ 3 | 12 สัปดาห์ | 90 | 85,000 |
ภาคเรียนที่ 4 | 12 สัปดาห์ | 85 | 85,000 |
ภาคเรียนที่ 5 | 12 สัปดาห์ (ฝึกงาน) | n/a | 85,000 |
ภาคเรียนที่ 6 | 12 สัปดาห์ (ฝึกงาน) | n/a | 85,000 |
รวม | 320 | 555,000 |
**หมายเหตุ ค่าเรียน 85,000 บาท ในภาคเรียนที่ 5 และ 6 นั้น “ไม่ใช่” ค่าใช้จ่ายในการฝึกงาน แต่เป็นค่าหน่วยกิต ในช่วงภาคเรียนที่ 1-4 ซึ่งทาง Finn ยินยอมให้แบ่งจ่ายถึงภาคเรียนที่ 5 และ 6 เพื่อช่วยให้ผู้เรียน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อภาคเรียนน้อยลง
ค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายในการเรียน
ค่าเรียนและค่าใช้จ่ายปีสุดท้าย (ปีที่ 3) ณ ต่างประเทศ
เมื่อจบการเรียนหลักสูตร Diploma 2 ปีในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผู้เรียนจะได้เดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ในรูปแบบ Top-Up Degree ณ มหาวิทยาลัยชั้นนำที่เลือกได้ในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการเรียนต่ออังกฤษ รวมถึงประเทศอื่น ๆ มีค่าใช้จ่าย ดังต่อไปนี้
- มหาวิทยาลัยอังกฤษค่าเทอมจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 – 700,000 บาท ต่อปี ขึ้นอยู่กับค่าเงินและการกำหนดอัตราค่าเรียนแต่ละปีของมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายที่เลือก
- นอกจากค่าเทอมแล้ว ค่าเช่าที่พักก็เป็นอีกหนึ่งรายจ่ายสำคัญ โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเมืองและประเภทที่พัก เช่น หอพักในมหาวิทยาลัย อพาร์ทเมนท์ หรือบ้านเช่า ซึ่งค่าเช่าที่พักอยู่ที่ 17,000 – 35,000 บาทต่อเดือน แตกต่างกันไปตามโซนและประเภทของที่พักนั้น ๆ
การเรียนป.ตรีอังกฤษ ยังมีค่าใช้จ่ายประจำวันอื่น ๆ ที่ควรรู้ไว้ด้วย ได้แก่ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน ค่าประกันสุขภาพ รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวเบ็ดเตล็ด โดยค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของนักศึกษาต่างชาติในอังกฤษอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการและวางแผนการใช้จ่ายของแต่ละบุคคลด้วย
*Finn จะเป็นผู้ประสานงานในการติดต่อกับมหาวิทยาลัย, จัดหาที่พัก, ทำวีซ่า รวมทั้งตั๋วเครื่องบินให้แก่นักเรียน
นอกจากนี้น้องๆที่ไปเรียนปีสุดท้ายที่อังกฤษยังสามารถทำงาน part-time ได้ โดยวีซ่านักเรียนสามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (และ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงปิดเทอม) ซึ่งปัจจุบันค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงจะอยู่ที่ 13 ปอนด์ต่อชั่วโมง ซึ่งน้องๆที่ทำงาน part-time บางคนแทบจะไม่ต้องรบกวนเรื่องค่าอาหารและค่าเดินทางจากผู้ปกครองเลย
และทางมหาวิทยาลัยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำน้องๆในเรื่องการหางาน part-time และหางานประจำหลังเรียนจบ หรือใครอยากจะฝึกงานกับบริษัทที่อังกฤษก็ได้เช่นกัน
**สำหรับปีสุดท้ายโดยปกติทาง Finn จะแนะนำให้ผู้ปกครองเตรียมเงินไปประมาณ 1 ล้าน ถึง 1.2 ล้านก็สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับปีสุดท้ายได้โดยไม่จำเป็นต้องทำงาน part-time
ค่าเรียน
500,000 – 700,000 บาท ต่อปี
** ค่าเรียนในปีสุดท้ายจะมีการเปลี่ยนเเปลงทุกปี
ขึ้นอยู่กับค่าเงินและการกำหนดอัตราค่าเรียนแต่ละปีของมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายที่เลือก
บริหารจัดการเงินอย่างไรดี เมื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ ?
ป.ตรีอังกฤษ ใช้เงินเท่าไร ? แน่นอนว่าเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะนอกจากค่าเทอมป.ตรี อังกฤษที่มีระบุไว้ชัดเจนแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งการเรียนในระบบ Top-up Degree ยิ่งประหยัดกว่าไปเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษตั้งแต่ปีแรกถึง 3 เท่าอยู่แล้ว แต่หากน้องๆยังไม่มั่นใจ พี่ๆ Finn ขอแนะนำตามนี้ค่ะ
- ตั้งงบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละหมวดค่าใช้จ่าย เช่น อาหาร ที่พัก การเดินทาง และพยายามควบคุมการใช้จ่ายให้อยู่ในงบ
- เลือกที่พักราคาประหยัด: เลือกหอพักนักศึกษาที่มีราคาไม่แพงเกินไป อยู่หอพักในมหาวิทยาลัยเพื่อไม่ต้องรับความเสี่ยงเรื่องค่าน้ำค่าไฟ หรืออาจอยู่ร่วมกับเพื่อนเพื่อแบ่งเบาค่าเช่า
- ทำอาหารเอง: ซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเองแทนการไปทานข้างนอกบ่อย ๆ จะช่วยประหยัดได้มาก เพราะวัตถุดิบหลายๆอย่างมีราคาใกล้เคียงหรือบางอย่างก็ราคาถูกกว่าในประเทศไทย เช่น ข้าวสารหอมมะลิ เนื้อสัตว์ ไส้กรอก
- ใช้บัตรนักศึกษาเพื่อรับส่วนลด: ร้านค้าและบริการหลายแห่งมีส่วนลดพิเศษสำหรับนักศึกษา อย่าลืมแสดงบัตรนักศึกษาเพื่อใช้สิทธิ์
- หารายได้พิเศษ: หางานพาร์ตไทม์หรือทำงานออนไลน์เพื่อหารายได้เสริม แต่ต้องแบ่งเวลาให้ดีเพื่อไม่ให้กระทบการเรียน
- แบ่งปันค่าใช้จ่ายกับเพื่อน: หากต้องการซื้อของใช้จำเป็นราคาสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาจรวมเงินกับเพื่อนในการซื้อและใช้ร่วมกัน
- ทำบัญชีรายรับรายจ่าย: จดบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน เพื่อให้เห็นภาพรวมทางการเงินและสามารถปรับแผนการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม
การวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักศึกษาสามารถใช้ชีวิตในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเครียดเรื่องค่าใช้จ่าย และยังมีเงินเหลือเก็บออมหรือทำกิจกรรมที่อยากทำด้วย แต่ทั้งนี้ต้องมีวินัยในการใช้จ่าย รู้จักเลือกสรรสิ่งที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หากทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถบริหารการเงินได้อย่างดีตลอดช่วงเวลาที่ไปศึกษาที่ต่างประเทศ
ไปเรียนต่อต่างประเทศได้ง่ายขึ้น เพียงเริ่มต้นกับ สถาบัน Finn
เมื่อได้ทราบถึงค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรแล้ว สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่มีแผนอยากไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาตรี แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี แนะนำให้เข้ามาที่สถาบัน Finn เส้นทางสู่ปริญญาตรี 3 ปีอังกฤษ : เรียนหลักสูตร Diploma 2 ปีในไทย และอีก 1 ปีสุดท้าย (Top-Up Degree) ณ มหาวิทยาลัยชั้นนำที่เลือกไปเรียนได้ทั้งในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือ สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมรับวุฒิปริญญาตรีโดยตรงจากมหาวิทยาลัยที่เลือกเมื่อจบการศึกษา สามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ Finn ได้ทาง 083-057-7956, 092-616-6428 หรือ 02-619-1249